“ความเท่าเทียมที่เราผลักดันมาตลอด เราได้ลงลึกไปกับมันหรือยัง หรือแค่ผิวเผินกันแน่?” ช่างภาพหูหนวก นามว่า Neha Balachandran ได้พูดถึงเรื่องประเด็นนี้และอื่น ๆ อีกมากมายให้เราได้รู้กัน มาดูกันดีกว่าว่าเธอสามารถสื่อสารสิ่งเหล่านี้ผ่านรูปภาพได้อย่างไร พบกับ The Create Fund ตอน: ช่างภาพหูหนวก แต่ฝีมือไม่เบา
Create Fund: ช่างภาพหูหนวก แต่ใจเปิดกว้าง
สำหรับพวกเราแล้ว การถ่ายภาพก็คือการสื่อสารอารมณ์ที่ถูกถ่ายทอดออกมาจาก อาชีพช่างภาพ ที่มีทั้ง ช่างภาพอิสระ และ ช่างภาพดังๆ ณ ช่วงเวลานั้น แต่คุณ Neha Balachandran มีมุมมองที่ต่างกว่านั้น เนื่องจากเธออยู่ในกลุ่ม Deaf+ community เธอพบว่าช่างภาพ คุณสมบัติ ที่เป็นแบบเธอนั้น ไม่ค่อยมีพื้นที่ยืนในสังคมหรือมีพื้นที่ไม่มากพอ เธอกล่าวว่า “คุณอาจพลาดผลงานชิ้นเยี่ยมของพวกเรา ถ้าคุณยังมองข้ามความพิการของเราไปไม่ได้” ทำให้พวกเราขบคิดว่าหรือพวกเราใส่ใจไม่มากพอกับกลุ่มคนเหล่านี้กันแน่
บทสนทนาที่น่าสนใจระหว่างพวกเรา และ Neha Balachandran
Shutterstock: สวัสดี Neha! คุณเริ่มเข้าวงการถ่ายรูปได้อย่างไร?
Neha Balachandran: ครอบครัวของฉันปลูกฝังการถ่ายภาพมาทั้งนั้นเลย ทั้งคุณปู่และคุณตาเคยเป็นช่างภาพ คุณลุงของฉันก็ชอบถ่ายรูปดอกไม้ และฉันที่เป็นคนหูหนวกก็ชอบถ่ายรูปบุคคลเรื่อยมา
บ่อยครั้งที่ฉันมักจะขอกล้องในวันคริสต์มาสเป็นประจำ ฉันเคยชอบถ่ายรูปธรรมชาติ ดอกไม้ และพระอาทิตย์ตกดิน ไม่เคยถ่ายภาพบุคคลมาก่อน แต่พอเข้ามหาลัยในช่วงโควิดระบาดพอดี
ฉันเลยหงุดหงิดและหาวิธีแก้ไขสาเหตุนี้ไม่ได้ พ่อของฉันเลยเตือนสติฉันแล้วพากลับไปถ่ายรูป ฉันก็ตอบรับและลองถ่ายเรื่อยมา พี่สาวของฉันคือโมเดลชั้นเยี่ยม เธอแต่งหน้าและฉันก็ถ่ายรูปให้เธอ จากนั้นฉันก็ชื่นชอบการถ่ายรูปเรื่อยมา โดยเฉพาะการถ่ายภาพแฟชั่นและภาพบุคคล
SSTK: ฉันอยากถามเรื่องการเป็นช่างภาพหูหนวก มันเป็นอย่างไรและมีความท้าทายในชีวิตยังไงบ้าง?
Balachandran: การเป็นคนหูหนวกอาจโชคดีก็ได้ สิ่งนี้จะผลักดันให้เราดียิ่งขึ้น เพราะช่างภาพที่มีประสาทการได้ยินที่ดีชอบประเมินเราต่ำเกินไปเพียงแค่หูหนวก
อุปสรรคอีกอย่างก็คือ การเข้าถึงโอกาสและทรัพยากรเดียวกับเพื่อน ๆ ในวัยเดียวกัน เช่น ใน Youtube และโซเชียลมีเดียไม่มีคำบรรยาย หรือ หาช่างภาพ ที่เราเข้าถึงได้ ซึ่งบางคลิปวิดีโออาจอธิบายสิ่งที่เราต้องการ แต่เราไม่เข้าใจเพราะขาดแคปชั่นหรือซับให้อ่าน กลายเป็นว่าเราถูกกีดกันทางความรู้โดยอัตโนมัติ
พวกเรามีทั้งคนหูหนวก คนตาบอด หรือทั้งสองอย่าง แต่พวกเราก็ถูกสอนว่าถึงแม้จะเป็นคนพิการ แต่หัวใจเราไม่ได้พิการ สังคมต่างหากที่ตัดสินให้เราเป็นคนพิการ อคติและการตัดสินของพวกเขาที่มีต่อคนพิการ ทำให้พวกเราไม่สามารถแสดงศักยภาพอย่างเต็มที่
SSTK: ช่วยลงลึกเข้าอีกสักเล็กน้อย คุณว่าสังคมช่างภาพเปิดพื้นที่ให้กับคนพิการหรือช่างภาพหูหนวก มากน้อยเพียงใด?
Balachandran: ความเห็นของฉันจริง ๆ แล้วพวกทรัพยากร คู่มือสอน และคอนเทนต์ในโซเชียมีเดีย มันไม่มีซับหรือแคปชั่นให้อ่านเลย เป็นเหมือนกำแพงทางภาษาสำหรับพวกเราที่ก้าวข้ามไม่ได้ นั่นจึงเป็นสาเหตุที่พวกเราต้องสร้างพื้นที่หรือชุมชนขึ้นมาเป็นของตัวเอง แบ่งปันความรู้กันเอง เพื่อสร้างช่างภาพที่ดีแก่อุตสาหกรรมต่อไป
แม้จะเป็นเส้นทางที่ท้าทาย แต่เราก็ค่อย ๆ ทำลายกำแพงนี้ลง เพื่ออนาคตของช่างภาพหูหนวกรุ่นใหม่ต่อไป ให้พวกเขาได้เข้าถึงทรัพยากรความรู้อันล้ำค่า
ตอนนี้ฉันกำลังสร้างเส้นทางสายช่างภาพ เส้นสาย และชุมชนขึ้นมาจากศูนย์ เป็นความท้าทายอย่างมาก แต่ฉันก็ชอบที่ได้ก้าวข้าม Comfort zone ที่มีอยู่ออกไป
คติประจำใจของฉันก็คือ : “You never know if you don’t try. What’s the harm in trying?” (ถ้าไม่ลองก็ไม่รู้ แค่ได้ลองจะเสียหายอะไร?)
SSTK: สิ่งใดที่คุณหวังให้สาธารณะชนได้รู้ เกี่ยวกับช่างภาพหูหนวกที่หลายคนไม่เข้าใจ?
Balachandran: เราอยากมีส่วนร่วมกับทุกคนแบบไม่โดนแบ่งแยก เราเป็นคนมีความรู้และประสบการณ์ มีทักษะและพรสวรรค์ ถ้าคุณไม่เลิกมองข้ามความหูหนวกของเราแบบนี้ คุณก็จะพลาดสิ่งดี ๆ ที่มาจากเรา
คุณสามารถสื่อสารกับเราด้วยการพิมพ์บนมือถือก็ได้ เหมือนกับที่ทุกคนส่งข้อความหากัน มันไม่ต่างกันเสียเท่าไหร่หรอก หรือถ้าต้องมีการพูดคุยกับพวกเราอย่างจริงจัง การจ้างล่ามภาษามือคือสิ่งที่ควรมีจริง ๆ การพยายามอ่านปากของคนอื่นมันไม่มีประสิทธิภาพ ดังนั้นอย่าทำให้เราลำบากใจไปเพราะการไม่เตรียมพร้อมของใครเลย
SSTK: คุณมีมุมมองของการถ่ายภาพแตกต่างจากคนปกติอย่างไร? ความผูกพันธ์ของคุณกับการถ่ายภาพแตกต่างจากคนอื่นยังไง?
Balachandran: ฉันเชื่อว่าคนหูหนวกมีมุมมองไม่เหมือนใคร วิธีที่ถ่ายภาพจังหวะและอารมณ์ก็แตกต่าง การเป็นคนหูหนวกทำให้ฉันมีความไวด้านสายตา และความอ่อนไหวในรายละเอียดที่มากขึ้น ฉันสังเกตเห็นแสง รูปร่าง และพื้นผิวต่าง ๆ เคลื่อนไหวได้เป็นอย่างดี ช่วยให้ฉันจัดองค์ประกอบภาพได้
นอกจากนี้ การถ่ายภาพยังเป็นสิ่งที่แสดงตัวตนของเราออกมาโดยที่ไม่ต้องใช้ภาษาพูด ฉันเติบโตมากับการถ่ายภาพด้วยการสังเกตพฤติกรรมของทุกสิ่งในบ้าน ท่าทาง ใบหน้า และภาษากายของผู้คน
ทุกภาพถ่ายที่ฉันถ่ายออกมาคือตัวแทนของฉันจากอารมณ์ภายใน ความเชื่อมโยงของคนหูหนวกที่รักการถ่ายภาพ นี่คือฉัน
SSTK: ภาพประเภทไหนที่คุณรักที่สุด?
Balachandran: ฉันชอบถ่ายภาพชีวิตประจำวัน เพราะสิ่งนี้ทำให้ฉันรู้สึกถึงคุณค่าในทุกช่วงเวลา เก็บไว้ให้ทุกคนชื่นชมตลอดไป
พอฉันโตขึ้นและพึ่งพาตัวเองได้แล้ว ฉันก็สร้างบรรยากาศและชุมชน ที่ทุกคนสามารถทำงานด้วยกันได้อย่างสบายใจ ให้พวกเขารู้สึกว่าอยากก้าวออกจาก Comfort zone มาหาฉันเพื่อทำตามความฝัน สิ่งนี้มีความหมายกับฉันมากมาย รู้สึกเป็นเกียรติที่ได้กลายเป็นผู้ให้ และมอบประสบการณ์เหล่านั้นให้กับพวกเขาได้
ช่างภาพที่หูหนวกจะไม่ได้รับประสบการณ์เท่ากับช่างภาพที่ได้ยินเสียงตามปกติ แต่พวกเราก็สามารถสื่อสารภาษามือโดยที่คนทั่วไปไม่เข้าใจได้เช่นกัน มันทำให้ฉันพบว่าพวกเราก็เป็นคนพิเศษไม่ต่างกับคนอื่น
SSTK: ทำไมคุณถึงยังชอบถ่ายรูปอยู่ไม่เคยเบื่อ?
Balanchandran: สิ่งนี้ทำให้ฉันมีเป้าหมายในชีวิตใหม่ ๆ ตอนที่เกิดโรคระบาดฉันสูญเสียตัวตนไปสักพักหนึ่งเลย ถึงแม้ว่าฉันจะเรียนอยู่ปริญญาตรีและชอบทำกิจกรรมมากก็ตาม การถ่ายภาพเติมเต็มจิตวิญญาณของฉัน ฉันเป็นคนมีความคิดสร้างสรรค์มาตลอดตั้งแต่เด็ก แค่ฉันไม่รู้ว่าจะใช้มันหาเงินได้อย่างไรเฉย ๆ ดังนั้นมันเป็นสิ่งที่คุ้มค่ามากในชีวิต
SSTK: สุดท้ายแล้ว The Create Fund มีผลอย่างไรกับคุณ?
Balanchandran: The Create Fund มีผลต่อฉันมาก เพราะทำให้ฉันมีงบอัปเกรดอุปกรณ์ถ่ายภาพ การถ่ายภาพของฉันจึงดีขึ้นด้วย ทำให้ฉันเอื้อมถึงสิ่งที่ฉันไม่เคยคิดมาก่อนว่าจะได้มา
ไม่เพียงเท่านั้น ฉันยังกลายเป็นตัวแทนจากชุมชนช่างภาพหูหนวก ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญสำหรับฉันมากมาย และฉันก็จะทำมันอย่างเต็มที่ตลอดไป
บทความโดย : The Create Fund: An Interview with Neha Balachandran
เรียบเรียงโดย : ทีมงานชัตเตอร์สต็อกประเทศไทย ดำเนินงานโดย นัมเบอร์ 24